top of page

ภาคประชาสังคมเสนอวิจัยฝุ่นควันเพิ่มมิติทางสังคม สวัสดิการของประชาชน

Tag :

#สภาลมหายใจเชียงใหม่
#CMBCupdate
#ฝุ่นควันเชียงใหม่


27 เมษายน 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดการประชุมแลกเปลี่ยนและติดตามความก้าวหน้าโครงการวิจัย ภายใต้แผนงาน “งานวิจัยนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนฝุ่นละออง PM 2.5 แบบมุ่งเป้าและบูรณาการ” และแผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประเด็น ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 ณ ห้องประชุม Convention 3 โรงแรมวินทรี ซิตี้ รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่

.

ทั้งนี้ เป้าหมายของเวทีนี้คือเพื่อแลกเปลี่ยนและติดตามความก้าวหน้าโครงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ และเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันระหว่างสภาลมหายใจในพื้นที่ภาคเหนือทั้ง 8 จังหวัด ได้แก่จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน พะเยา อุตรดิตถ์ และน่าน รวมถึงการบูรณาการแผนงานวิจัยนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนฝุ่นละออง PM2.5 แบบมุ่งเป้า และหารือแนวทางการดำเนินงานร่วมกันตามแผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในประเด็น “ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5” มากกว่านั้น ยังเป็นประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ สถาบันวิจัย และภาคประชาสังคม เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ

.

ในเวทีดังกล่าวได้มีการนำเสนอภาพรวมของแผนงานวิจัยนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนฝุ่น PM2.5 ความคืบหน้าโครงการเกี่ยวกับแนวทางการลดไฟป่ากรณีศึกษาจ.เชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย แนวทางการลดการเผยในพื้นที่เกษตร การเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจแก้ปัญหาเชิงนโยบาย และการสื่อสารเชิงรุกต่อยอดการดำเนินงานในระยะที่ 2 ปีงบประมาณ 2567 เป็นต้น

บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการ ส่งเส�ริมภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วม
บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการ ส่งเสริมภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วม

บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการ ส่งเสริมภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วม กล่าวว่าจากการติดตามการแก้ไขปัญหาหมอกควันมา เราจะพบว่าการมองปัญหาฝุ่น PM2.5 นั้นไม่ควรมองแค่เป็นประเด็นสิ่งแวดล้อมเท่านั้น ไม่เช่นนั้นการแก้ปัญหาก็จะเน้นเพียงการนำเทคโนโลยีมาใช้ หรือหรือการแก้ไขปัญหาทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลายเรื่องทั้งเรื่องระบบการทำงาน การบริหารงานภาครัฐ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ปัญหาการกำกับระบบตลาดเสรี เป็นต้น ถ้าหากมองในกรอบที่กว้างกว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมก็จะทำให้เราแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้

.

ในช่วงที่ผ่านมามีบทเรียนว่าการไล่จับจุด Hotspot ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน การห้ามเผาจับเด็ดขาดไม่ใช่ทางออก เรายังต้องการเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา ขนาดของปัญหานั้นใหญ่มากลำพังกรมควบคุมมลพิษก็ไม่พอ กำลังภาครัฐไม่พอ ต้องกำลังภาคเอกชน ประชาสังคม และต้องทำเรื่องการกระจายอำนาจท้องถิ่นในฐานะผู้รับผิดชอบหน้างานด้วย และปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะทำเฉพาะภาคป่าไม้อย่างเดียวไม่พอ ต้องแก้ปัญหา sector ภาคเมืองที่ปล่อยฝุ่น PM2.5 ด้วย

.

นอกจากนี้เราควรมีการพิสูจน์เรื่องการใช้ไฟ หรือการบริหารจัดการไฟ ควรมีการวิจัยเรื่องการใช้ไฟอย่างจริงจังเพื่อแก้ข้อถกเถียงเรื่องนี้ ระหว่างบริหารจัดการเชื้อเพลิง ป่าประเภทไหนควรบริหาร ป่าไหนต้องการไฟ ไม่ต้องการไฟ  เราควรจะมีการติดตามและวิจัยเรื่องนี้อย่างจริงจัง นอกจากนี้เรื่องระบบแผน เราควรมีการศึกษาระบบแผนในจังหวัด ท้องถิ่น ชุมชน ทำไมไม่ไปเสียที ปัญหาเกิดจากอะไร ตัวชี้วัดของแผนที่ไม่เหมือนกัน มาจากการให้ค่าที่ไม่เหมือนกัน เพราะราชการก็มีคุณค่าของแผนแบบหนึ่ง คุณค่าของแผนของประชาสังคมก็แบบหนึ่ง คุณค่าของแผนของภาครัฐก็อีกแบบหนึ่ง เป็นต้น


ไพสิฐ พาณิชย์กุล หัวหน้าแผนงานมิติการลดไฟในพื้นที่ป่าไม้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ไพสิฐ พาณิชย์กุล หัวหน้าแผนงานมิติการลดไฟในพื้นที่ป่าไม้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ไพสิฐ พาณิชย์กุล หัวหน้าแผนงานมิติการลดไฟในพื้นที่ป่าไม้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กล่าวถึงความคืบหน้าว่าพื้นที่ที่ไปทำวิจัยเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่มีข้อขัดแย้งเดิมโดยการทำงานเรื่องข้อบัญญัติของท้องถิ่น การดำเนินการปี 2566 มี 5 โครงการมีกระบวนการทำในมิติสังคม เพราะการทำโดยใช้แอพ ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ บวกกับกระบวนการทางสังคมด้วย โครงการย่อยมีการจัดทำระบบฐานข้อมูล ลึกถึงระดับที่ดินรายแปลง บ้าน และแนวเขตระหว่างพื้นที่ที่อยู่ในป่า พื้นที่ชุมชน มีทีมนักวิจัยทำงานร่วมกับชาวบ้าน การทำงานกับชาวบ้าน ฐานข้อมูลในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ มันจะหมายถึงว่าชุมชนจะได้อยู่หรือไม่อยู่ในชุมชน ความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญ

.

นอกจากนี้มีการทำข้อมูลเรื่องการจัดการไฟ ไปดูว่าสาเหตุของไฟมาจากอะไรบ้าง เช่น ไฟความขัดแย้ง การใช้ไฟจำเป็น เราจะไปดูสาเหตุของปัญหา เช่น ความเหลื่อมล้ำ การถูกกีดกัน ทำฐานข้อมูลเพื่อประเมินทรัพยากรของพื้นที่  มีการประเมินความสมบูรณ์ข้อมูลในการวางแผนเรื่องการจัดการทรัพยากรของชุมชน มีการสำรวจการทำแนวกันไฟที่เหมาะสม ซึ่งมีทั้งแนวกันไฟของภาครัฐ อุทยาน และของชุมชน มีนัยยะสำคัญในการจัดการพื้นที่  แนวกันไฟที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร นอกจากนี้การนำเอาเครื่องมือการจ่ายค่าตอบแทนระบบนิเวศมาเป็นเครื่องมือในการทำงานก็ไม่ง่าย เพราะเป็นกระบวนการทางสังคม

.

สุดท้ายเรื่องของการสร้างกฎกติกาในการบริหารจัดการ ทำให้ชุมชนเห็นข้อจำกัด และศักยภาพของตนเอง นำมาวิเคราะห์ต่อในการออกแบบเรื่องของระบบการจัดการ จาก 10 หมู่บ้านที่เข้าไปทำงานวิจัย สามารถแบ่งประเภทของชุมชนได้ 3 กลุ่มคือ 1. กลุ่มหมู่บ้านที่มีความพร้อมการจัดการไฟ จัดการป่า 2. กลุ่มที่มีการพึ่งพิงป่า และ 3. กลุ่มที่ไม่ได้พึ่งพิงป่า พ่อหลวง กำนันมีภาระหน้าที่ตามกฎหมาย กลุ่มนี้จะขอให้ภาครัฐเป็นคนทำหน้าที่ในการดูแลจัดการไฟ จัดการป่าแทน ซึ่งเราสามารถนำมาใช้ในการออกแบบการทำงานกับชุมชนได้

.

ผลจากการที่เข้าไปทำงาน ใน 10 พื้นที่ ข้อค้นพบคือกลไกการจัดการภาครัฐ ปะทะกับกลไกการจัดการของชุมชน  บางชุมชนมีระบบการจัดการของตนเอง การตีกรอบจัดการข้ามพื้นที่ไม่ได้ ซึ่งจะต้องหาทางออกในเรื่องนี้ต่อไป  นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาเรื่องมาตรา 64 ทำให้การดำเนินงานในชุมชนหยุดชะงัก และยังต้องรอการเลือกตั้งเทศบาลด้วย

วิทยา ครองทรัพย์ ตัวแทนสภาลมหายใจภาคเหนือ
วิทยา ครองทรัพย์ ตัวแทนสภาลมหายใจภาคเหนือ

ทั้งนี้ ในเวทีดังกล่าวผู้แทนสภาลมหายใจจากจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงภาคประชาสังคมได้นำเสนอต่อทีมวิจัยด้วย โดย วิทยา ครองทรัพย์ ตัวแทนสภาลมหายใจภาคเหนือกล่าวว่าสภาลมหายใจภาคเหนือมองว่าตัวเองเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ที่ผ่านมาเราเข้าไปมีส่วนร่วมได้น้อย เราจะสร้างความเข้มแข็ง และความรู้ ในจังหวัดต่าง ๆ โดยจะชวนภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เราติดตามการแก้ปัญหาของภาครัฐมาตลอด บางปีเราก็รู้สึกดี บางปีก็เศร้าหมอง เราเห็นว่าความรู้วิชาการดีมาก แต่ปัญหาก็ยังไม่หายไป จึงอยากให้นักวิจัยได้มองมากกว่ากรอบทางวิชาการด้วย ปัญหาของการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันคือการบริหารจัดการปัญหา การตั้งเป้าเพียงแค่จำนวน hotspot และจำนวนวันที่จะจะแก้ปัญหาให้สำเร็จอาจจะไม่เพียงพอ แต่เราควรจะตั้งเป้าว่าคนภาคเหนือจะหายใจเต็มปอดได้กี่เปอร์เซ็นต์ และอยากให้งานวิจัยลงลึกถึงสาเหตุของการเผาคืออะไร นำมาสู่ทีมจังหวัดเพื่อช่วยกันพัฒนาการแยกแยะปัญหากลุ่มขาว เทา และดำต่อไป

สุรีรัตน์ ตรีมรรคา รองประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่
สุรีรัตน์ ตรีมรรคา รองประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่

สุรีรัตน์ ตรีมรรคา รองประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่กล่าวว่าการทำงานของสภาลมหายใจนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมาปี 2562 เรายึดมั่นในจุดเดิมเป็นขบวนการภาคประชาสังคมเดิมที่เข้าใจปัญหา ไม่ใช่ก็การว่ากล่าว หรือติเตียน แต่เน้นกระบวนการไปหาความรู้เข้าใจปัญหามากกว่า และการแก้ไขปัญหาฝุ่นไฟที่ไม่ใช่การแก้ไขตามฤดูกาลที่เน้นเฉพาะการดับไฟ เราต้องยอมรับว่าไฟที่เกิดจากป่ามีทั้งไฟที่มาจากการจุดไฟโดยรัฐ และประชาชนในเขตป่า สิ่งที่เราต้องทำคือการทำให้มีการใช้ไฟในป่าแบบควบคุม และสามารถจัดการได้ ในส่วนของการทำงานวิจัยเสนอให้มีโจทย์วิจัยที่เพิ่มมุมมองทางสังคม และสวัสดิการของชุมชนในเขตป่าเพิ่มเติมด้วย เพราะคนที่อยู่กับป่าเป็นคนจนและต้องพึ่งพิงป่าจะหาทางออกอย่างไร การแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ควรหาทางออกเฉพาะแต่เรื่องงานสิ่งแวดล้อมเท่านั้นซึ่งตนเห็นด้วยกับ อ.บัณฑูรย์ หรือการหาทางโดยใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น

.

“มิติเศรษฐกิจจากป่า ที่พูดเรื่องเห็ดก็เป็นวิถีชีวิตเดิมของชาวบ้านทำมามีอาจารย์ที่ทำงานศึกษาวิจัยเรื่องนี้ที่เป็นอาจารย์ด้านมานุษยวิทยา พื้นที่นี้เราคุยกับนายก และเทศบาล มาแล้ว นายกฯ บอกว่าป่าที่เขาดูแลเขาจะควบคุมมันได้ มุมแบบนี้ นวัตกรรมแบบนี้ เราจะยกระดับเรื่องนี้อย่างไร เราจะควบคุมอย่างไร และลดปริมาณไฟลง” สุริรัตน์กล่าว

ชาญ อุทธิยะ อุปนายกสมาคมเพื่อการเรียนรู้ป่าชุมชน จ.ลำปาง
ชาญ อุทธิยะ อุปนายกสมาคมเพื่อการเรียนรู้ป่าชุมชน จ.ลำปาง

ชาญ อุทธิยะ อุปนายกสมาคมเพื่อการเรียนรู้ป่าชุมชน จ.ลำปางกล่าวว่าในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน จังหวัดลำปางจะทำงานด้านอาสาสมัคร วิธีการแก้ปัญหาของเราคือเอาคนที่หาของป่ามาฝึกอบรม เราควรเปลี่ยนความคิดว่าคนหาของป่าคือตัวปัญหา ทางลำปางเปลี่ยนบทบาทเขาเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยลาดตระเวน และช่วยดับไฟป่า สุดท้ายกลายเป็นอาสาม้าเร็วให้ชุมชนเมื่อมีไฟเกิดขึ้น “เขาจะบอกเราได้เร็วมากว่าไฟขึ้นที่ไหน”

.

นอกจากนี้เราก็ทำงานกลุ่มวัยรุ่นติดยามาทำงานก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก ถ้าเราคิดว่าเขามีปัญหา ตลอดชาติก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ เรามีงบโดยเอาละอ่อน (เยาวชน) ที่มีปัญหา คนที่ติดยามาช่วยเป็นอาสาสมัครดับไฟป่า คนเหล่านี้ไม่ใช่คนจุด เป็นกำลังหลักให้ลุงหนาน ลุงหนานเชื่อว่าการเผามาจากคน ฉะนั้นการแก้ปัญหาก็ต้องแก้ที่คน เรื่องเทคโนโลยีหรืองานวิชาการก็ต้องใช้ แต่จุดสำคัญคือทำให้คนในพื้นที่ให้เห็นผลกระทบของการเผาป่า เราต้องดึงคนเหล่านี้มาทำงานด้วย การที่ไม่มีไฟ สัตว์ป่าก็ฟื้นมา เขาล่าเพื่อยังชีพในชุมชน ชีวิตความเป็นอยู่เขาได้พึ่งพิงป่า ก็ตอบโจทย์ชุมชน ตอบโจทย์สังคมได้ด้วย เราต้องมุ่งเน้นที่เหตุปัจจัย และใช้เทคโนโลยีเป็นตัวประกอบ

.

วิชิต ถิ่นวัฒนากูล ภาคประชาสังคมจาก จ.พะเยากล่าวว่าปัญหาฝุ่นควันเชื่อมโยงกับปัญหาเศรษฐกิจ และความยากจนด้วย การเผาเศษวัสดุทางการเกษตร เราไม่ต้องรองานวิจัยนี้ให้เสร็จสิ้นควรมีงานวิจัยเรื่อง นวัตกรรมการจัดการเศษวัสดุทางการเกษตร ภาคเกษตรขาดทางเลือกในการกำจัดเศษวัสดุทางการเกษตร ควรมีการส่งเสริมอาชีพที่ใช้วัสดุทางป่า ให้คนใช้ประโยชน์จากป่าได้ การให้สิทธินี้เป็นรูปแบบของคณะกรรมการ และมีการควบคุม นอกจากนั้นก็มอบอำนาจให้ชุมชนในการจัดการป่า เพราะชุมชนจะรู้จักกันหมดใครเป็นใคร เขาจะสามารถจัดการกันเองได้ การมอบอำนาจแต่ไม่ให้งบประมาณก็ไม่สามารถทำให้ท้องถิ่นจัดการตนเองได้.

โลโก้สภาลมหายใจ2

“เชียงใหม่มีอากาศสะอาดที่ยั่งยืน”

เลขที่ 35 ถ.รัตนโกสินทร์ ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000

(โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา)  โทร 061 269 5835

  • Facebook
  • Youtube
  • TikTok
  • Instagram
bottom of page