
22 เมษายน 2568 สภาลมหายใจเชียงใหม่และเครือข่ายภาคประชาสังคม นำโดยมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนยื่นข้อเสนอเชิงระบบต่อคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ห้องประชุม ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ระหว่างการลงพื้นที่ศึกษาปัญหาไฟป่าและ PM2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง และน่าน ระหว่างวันที่ 21-24 เมษายน 2568

ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ ได้นำเสนอกรอบแนวคิดสำคัญเกี่ยวกับปั ญหาไฟป่า โดยชี้ให้เห็นว่าไฟป่าเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง และอธิบายถึงความล้มเหลวของนโยบาย Zero Burning ว่า "มาตรการห้ามเผาเด็ดขาดไม่สอดคล้องกับความซับซ้อนของระบบนิเวศป่าไม้ในภาคเหนือ และไม่ได้คำนึงถึงวิถีการเกษตรและวัฒนธรรมที่หลากหลายของชุมชนท้องถิ่น การห้ามเผาโดยไม่แยกแยะเป็นการผลักดันให้เกิดการลักลอบเผา ซึ่งสร้างความเสียหายมากกว่าการจัดการเชื้อเพลิงอย่างมีระบบ"
สภาลมหายใจเชียงใหม่และมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนได้เสนอแนวการจัดการแบบมีส่วนร่วมแทนแนวทางการจัดการไฟป่าแบบดั้งเดิมที่เน้นการห้ามเผาโดยเด็ดขาด ซึ่งถูกนำมาใช้โดยหน่วยงานภาครัฐมาอย่างยาวนานแต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จังหวัดเชียงใหม่ได้เริ่มนำร่องจัดระเบียบการใช้ไฟโดยแยกแยะ "ไฟจำเป็น" ออกมาเพื่อการบริหารจัดการแบบควบคุมร่วมกันตั้งแต่ปี 2564 สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 เรื่องการบริหารจัดการเชื้อเพลิง และมีการใช้ระบบแอพพลิเคชั่น FireD ในการลงทะเบียนและขออนุมัติการเผาที่มีการควบคุม
อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติในพื้นที่กลับพบว่ามีความขัดแย้งระหว่างนโยบายส่วนกลางและการดำเนินงานในระดับพื้นที่ โดยข้อสั่งการจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ยังคงเน้นมาตรการป้องกัน ปราบปราม และบังคับใช้กฎหมายเพื่อค วบคุมการเผาอย่างเด็ดขาด ส่งผลให้แผนการบริหารจัดการเชื้อเพลิงของชุมชนท้องถิ่นที่ลงทะเบียนในระบบ FireD ไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่วางแผนไว้
สภาลมหายใจเชียงใหม่และมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ยื่นข้อเสนอสำคัญ 4 ประการต่อคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา โดยเดโช ไชยทัพ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนภาคเหนือและเป็นตัวแทนสมัชชาป่าชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำเสนอรายละเอียดดังนี้
1. กระจายอำนาจให้ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
แม้จะมีประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แ ก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติและพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า รวมถึงบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ในทางปฏิบัติกลับพบว่า “หมู่บ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีแค่หน้าที่ในการจัดทำแผน แต่ขาดฐานอำนาจในการดำเนินการตามแผนงานที่ออกแบบไว้”
นายเดโช ไชยทัพ กล่าวว่า “การจัดการไฟป่าต้องเริ่มจากชุมชนที่อยู่กับป่า เข้าใจธรรมชาติของป่า และมีวิถีชีวิตผูกพันกับป่ามาหลายชั่วอายุคน หากชุมชนไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ การแก้ปัญหาไฟป่าก็จะไม่ตรงจุดและไม่ยั่งยืน” ข้อเสนอคือใ ห้กรรมาธิการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความชัดเจนเรื่องฐานอำนาจในการจัดทำแผนจัดการเชิงพื้นที่และปฏิบัติการตามแผนงานที่ทำร่วมกัน รวมถึงการมีกลไกส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดกระบวนการจัดทำแผนและปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพ โดยภาคประชาสังคมและภาควิชาการที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย
2. ปฏิรูประบบงบประมาณการแก้ไขปัญหาไฟป่า
การเพิ่มประสิทธิภาพให้ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการไฟป่าจำเป็นต้องอาศัยงบประมาณที่เพียงพอและมีความต่อเนื่อง ปัจจุบันกรมป่าไม้ได้ดำเนินการถ่ายโอนภารกิจการควบคุมไฟป่าให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปแล้ว 2,542 แห่ง แต่งบประมาณที่ได้รับมามักใช้สำหรับการดำเนินการเฉพาะหน้า เช่น การดับไฟในระหว่างเกิดเหตุ มิได้ครอบคลุมถึงการป้องกันหรือควบคุมในเชิงระบบ
ข้อเสนอคือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้จัดทำคำของบประมาณด้านการควบคุมไฟป่าด้วยตนเอง และปรับแก้ระเบียบวิธีงบประมาณให้สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ นอกจากนี้ ต้องเปลี่ยนแนวทางการจัดสรรงบประมาณให้มุ่งเน้นผลลัพธ์ เช่น สนับสนุนพื้นที่ที่สามารถควบคุมการเกิดไฟให้ต่ำกว่า 10% ตามแผนงานที่กำหนด โดยพิจารณาจัดสรรงบสนับสนุนและงบเสริมแรงจูงใจเพิ่มเติมสำหรับใช้พัฒนาระบบสาธารณูปโภค ถนน ไฟฟ้า หรืออาชีพในพื้นที่
3. ปรับชุดความรู้สู่มาตรการจัดการไฟที่สอดคล้องกับระบบนิเวศป่าไม้ที่หลากหลาย
มติครม.วันที่ 29 พฤศจิกายน ได้รับรองเรื่องแนวทางการบริหารจัดการไฟ Fire Management แต่ในสังคมยังมีข้อถกเถียง ไม่มีพื้นที่ทางวิชาการที่จะมาชี้แนะเพื่อให้เกิดการจัดการที่เหมาะสม ทั้งเรื่ององค์ความรู้ และวิธีการบริหารจัดการ ปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่น FireD เป็นเครื่องมือ ทำอย่างไรจะสามารถใช้ให้เป็นเครื่องมือที่จะนำไปสู่การบริหารจัดการที่สามารถตรวจสอบได้จริง
ข้อเสนอคือให้กรรมาธิการสิ่งแวดล้อมประสานงานกับวิชาการ ภาคราชการ และประชาสังคม เพื่อระดมแลกเปลี่ ยนความคิดเห็นและความรู้ที่แตกต่างหลากหลาย ให้ได้ทิศทางการจัดการบนฐานข้อมูลความรู้ที่ยึดโยงกับบริบทพื้นที่ ทั้งการใช้ที่ดินและระบบนิเวศป่าในแต่ละพื้นที่ รวมถึงหาแนวทางการส่งเสริมองค์ความรู้ที่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ โดยเฉพาะความรู้ด้านการจัดการไฟป่าอย่างยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
4. มาตรการความยั่งยืน: ปรับปรุงกฎหมายและนโยบายที่ดิน
การแก้ไขปัญหาที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติตามแนวทางคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ยังพบปัญหาความล่าช้า โดยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่มีพื้นที่ 1,831,311 ไร่ สามารถดำเนินการได้เพียง 183,264 ไร่ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2559-2564) คิดเป็นเพียง 10% หรือปีละ 2% เท่านั้น
ควรเร่งรัดให้สำเร็จโดยเร็ว สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง เปลี่ยนการใช้ที่ดินที่ไม่เหมาะสม ไปสู่การใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน เช่นระบบวนเกษตร ในส่วนของพื้นที่อุทยานแห่งชาติประมาณ 400,000 กว่าไร่ จะเข้าสู่กระบวนการรับรองสิทธิและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนได้อย่างไร กรรมาธิการจะช่วยในบทบาทการประสานหารือเร่งรัดให้เกิดความก้าวหน้าได้หรือไม่ ถ้าสามรถได้แนวทางการปฏิบัติที่จะทำให้เกิดความสำเร็จลุ่มล่วงในการเข้าถึงสิทธิ-รับรองสิทธิ-การใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เป็นเรื่องสำคัญ ประเด็นสำคัญขณะนี้คือการปรับปรุงพรบ.สวนป่าเพื่อให้พื้นที่คทช.ให้เป็นประเภทที่สามารถขึ้นทะเบียนตามพรบ.สวนป่าได้ มีสิทธิปลูกต้ นไม้ ตัดขาย-ใช้ประโยชน์ได้
ในส่วนของป่าชุมชน จังหวัดเชียงใหม่มีป่าชุมชนมากกว่า 570 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 800,000 ไร่ แต่การจัดการป่าชุมชนยังไม่มีความก้าวหน้ามากเท่าที่ควร ทั้งในแง่การพัฒนาศักยภาพป่า กลไกการประสานความร่วมมือกับภาคี และการปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นปัญหาข้อเสนอคือให้กรรมาธิการดำเนินการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการทบทวนและแก้ไขเงื่อนไขเชิงโครงสร้างในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดิน การจัดการไฟป่า และงบประมาณให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาปัจจุบัน โดยเฉพาะการปรับแก้ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 และการปรับแก้มติ ครม.วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561
นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีกระบวนการเร่งรัดทบทวนการออกกฎกระทรวงฯ คำนิยาม “เขตป่าอนุรักษ์” ในมาตรา 4 ของ พ.ร.บ.ป่าชุมชน เพื่อให้ชุมชนจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่เตรียมการประกาศป่าอนุรักษ์ได้ และการหาช่องทางช่วยเหลือให้ป่าชุมชนสามารถขอรับการสนับสนุนด้านงบประมาณหรือทรัพยากรทั้งจากกองทุนสิ่งแวดล้อม งบประมาณจากส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภาคเอกชน
ด้านผศ.ดร.สมพร จันทระ ประธานคณะทำงานวิชาการเพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่า ฝุ่นควัน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้นำเสนอ สิ่งที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ดำเนินการในระยะที่ผ่านมาและกำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ที่สำคัญๆ งานวิจัยเพื่อตรวจวัดแหล่งที่มาของฝุ่นควันPM2.5 เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ ,การลดการเผาในที่โล่งและการบริหารจัดการ เช่น การวิจัยพัฒนาแบบจำลองคุณภาพอากาศ WRF -CHEM จำลองสถานการณ์ควบคุมแหล่งกำเนิดPM2.5เพื่อประเมินมาตรการการจัดการของจังหวัดเชียงใหม่ การพัฒนาระบบสนับสนุนการจัดการเชื้อเพลิง แอพพลิเคชั่นและเว็บฯ FireD รวมทั้ง Line OA เพื่อรองรับการใช้งานของภาคประชาชน,การศึกษาการลดไฟในภาคป่าไม้ กรณีศึกษาอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพปุย, นวตกรรมเครื่องวัดฝุ่นต้นทุนต่ำ(Low-cost SENSORS) เช่น ดัสบอย,เครือข่ายงานวิจัยจากต่างประเทศ ได้แก่ประเทศอเมริกา,ไต้หวัน โดยเชื่อมโยงการทำงานกับเว็บไซ-Line OA และแอพพลิเคชั่นเช่น FireD ,PODD CMPM2.5 ,เช็คฝุ่นฯลฯ การพัฒนานวตกรรมเพื่อป้องกันตนเองจากPM2.5 ได้แก่ หน้ากากNYนาโน,มาสแครกสำหรับกลุ่มพิเศษ เช่น ตำรวจจราจร,อาสาดับไฟป่า,เครื่องฟอกอากาศจากกล่องลังกระดาษที่ใช้กับพัดลมดูดอากาศ,มุ้งสู้ฝุ่น และห้องปลอดฝุ่นระบบความดันบวก ที่พร้อมถ่ายทอดให้กับหน่วยงานและประชาชน
ขณะที่ผศ.ดร.อรอร ภู่เจริญ คณะทำงานเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาระยะ 5 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เป็นครั้งแรกที่จ.เชียงใหม่ นำร่องจังหวัดอื่นๆในการวางแผนยุทธศาสตร์5ปีในการแก้ไขปัญหาPM2.5 ที่อยู่บนทั้งฐานฟังก์ชันการทำงาน-พื้นที่(Area)-วาระ(Agenda) ดำเนินการร่วมกันโดยทีมเชียงใหม่ หลักการคือนำบทเรียนที่ดีของทุกหน่วยงานมาขยายผล+ผลการวิจัยเชิงวิชาการ รวมถึงความต้องการทางการเมือง และที่สำคัญคือความต้องการของชุมชน ประชาชนที่จะต้องมีส่วนร่วมและได้ผลประโยชน์จากแผนนี้ในระยะยาว ภายใต้3หลักการสำคัญคือ สร้างการรับรู้ร่วมกันถึงปัญหาและทางออก ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ลดการใช้ไฟให้เหลือน้อยที่สุดภายใต้กระบวนการที่เหมาะสมยั่งยืนและเป็นธรรมไม่ใช้แนวทางการบังคับเพียงแนวทางเดียว ปัญหาหลักในการบริหารจัดการไฟป่าและPM2.5ที่พบเบื้องต้นมี 7 ประเด็นสำคัญคือ
1)การขาดองค์ความรู้ที่เข้าใจร่วมกันกับการใช้ไฟ
2)การขาดข้อมูลเชิงเปรียบเทียบของทางเลือกนโยบาย
3)ข้อจำกัดของกลไกการกำกับดูแล
4)ข้อจำกัดด้านสิทธิการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าและการเผาในพื้นที่เกษตรในป่า
5)ความท้าทายในการจัดการและสร้างเครือข่ายของป่าชุมชน
6)ข้อจำกัดด้านการปฏิบัติของหน่วยงานท้องถิ่น
7)ข้อจำกัดของระบบงบประมาณ

ทั้งนี้ประธานกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ได้กล่าวชื่นมชมจังหวัดเชียงใหม่ที่มีการวางแผนและปฏิบัติการที่ดี มีการทำงานร่วมกันหลายภาคส่วนทั้งราชการ ภาคประชาชนและวิชาการ
“จุดยืนของพวกเรามองว่ามองว่าไฟยังเป็นสิ่งจำเป็น ยังต้องมีการเผา แต่เผาแบบไหน ต้องมีการบริหารจัดการ ไฟป่าจำเป็นเพราะระบบนิเวศน์ เรามีป่าอยู่หลายชนิด ป่าบางชนิดต้องมีไฟทุกปี โดยเฉพาะป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ส่วนป่าดิบชื้นดิบเขาไม่ควรจะมีไฟเข้าไป เช่นป่าดึกดำบรรพ์ยอดดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพปุย อยากให้เห็นว่าระบบนิเวศน์บางอย่างยังจำเป็นต้องใช้ไฟ ไฟอีกบริบทหนึ่งคือเรื่องการ “ชิงเผา” ซึ่งจำเป็นต้องมี ทั้งเพื่อสร้างพื้นที่อาหารให้สัตว์ป่า ต้องมีป่าหญ้าให้กวางมาเล็ม มีโป่งให้ช้าง หน่วยหลักคือกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ จะชิงเผาตรงไหน ช่วงเวลาไหน ต้องมีแบบแผนหลักการ-วิธีการที่ดี และมีงานวิชาการ ส่วนเรื่องการเตรียมพื้นที่ของพี่น้องเกษตรกรที่อยู่บนภูเขา โดยเฉพาะไร่หมุนเวียน ถ้ายังเปลี่ยนอาชีพเขาไม่ได้ จะต้องมีสักช่วงเวลาหนึ่งที่ให้เขาได้เผา เพื่อเตรียมพื้นที่ จัดตารางในช่วงอากาศปลอดโปร่ง ทำแนวควบคุมไฟไม่ให้ลุกลามเข้าไปในป่า แต่ในภายภาคหน้าถ้าทำได้ไม่ให้เขาทำพืชเชิงเดี่ยวจะดีที่สุด
ทั้งนี้ คาดว่าคณะกรรมาธิการฯ จะนำข้อเสนอและข้อมูลที่ได้รับไปประกอบการพิจารณาและผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาเชิงระบบต่อไป ซึ่งหากข้อเสนอได้รับการตอบรับ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ในการจัดการไฟป่าและมลพิษทางอากาศที่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น และสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว
ข้อเสนอของสภาลมหายใจและภาคประชาสังคมเชียงใหม่ต่อการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาไฟป่า จังหวัดเชียงใหม่ ฉบับเต็ม (22 เมษายน 2568 ณ ห้องประชุมศาลากลาง จังหวัดเชีย งใหม่)





.png)